หากใครได้ติดตามข่าวสารต่างประเทศช่วงนี้ ก็คงจะพอได้เห็นรูปถ่ายรูปหนึ่งที่กำลังเป็นที่พูดถึงอย่างมาก นั่นก็คือรูปที่มีใบหน้าของเด็กสาวผมทองถักเปียกำลังถูกนักข่าวจับภาพได้ ในขณะที่น้องกำลังถลึงตามองแรงไปที่ 'ประธานาธิบดีสหรัฐฯ โดนัลด์ ทรัมป์' ตอนกำลังเดินผ่านหน้าเธอไป ภายในอาคารสำนักงานองค์การสหประชาชาติ นครนิวยอร์ก ประเทศสหรัฐ กับการที่เขาเมินเฉยต่อการแก้ปัญหาสิ่งแวดล้อม

 

เกรตา ธันเบิร์ก

cr. www.voathai.com/

 

แถมน้องยังตั้งคำถามกับผู้นำโลกเอาไว้ในเวที Climate Action Summit 2019 ซึ่งเปรียบเสมือนกับระเบิดลูกใหญ่ ที่ทำเอาผู้ใหญ่หลาย ๆ คน ถึงกับต้องหน้าสั่นกันเป็นแถบ และนี่ก็คือส่วนหนึ่งของข้อความที่เด็กน้อยต้องการจะตั้งคำถามอันยิ่งใหญ่ที่ผู้นำหลาย ๆ คนกำลังมองข้าม...

"ข้อความของหนูคือเรากำลังจับตาดูคุณอยู่ นี่มันผิดไปหมดเลย หนูไม่ควรมาอยู่ตรงนี้ หนูควรไปอยู่ที่โรงเรียนที่อีกฝั่งหนึ่งของมหาสมุทรนี้ แต่คุณก็ยังมาหาความหวังจากคนรุ่นใหม่เนี่ยนะ กล้าดียังไง พวกคุณขโมยความฝันและชีวิตวัยเด็กของหนูไปด้วยคำพูดกลวง ๆ ของพวกคุณ แต่หนูยังถือว่าโชคดี มีคนอีกเยอะที่ทรมาน หลายคนกำลังจะตาย ระบบนิเวศกำลังล่มสลายลง เรามาถึงจุดเริ่มต้นของการสูญพันธุ์ครั้งใหญ่ แต่พวกคุณกลับพูดถึงแค่เรื่องเดียวคือเรื่องเงินกับเทพนิยายที่พูดถึงการเติบโตทางเศรษฐกิจที่ไม่มีวันจบสิ้น กล้าดียังไง!

ซึ่งทันทีที่คลิปข่าวต้นตอของภาพ ๆ นี้ถูกเผยแพร่ออกไป มันก็เป็นกระแสไวรัลในทันที! นั่นจึงทำให้ใครหลาย ๆ คนที่ได้เห็นข่าว ต่างหันมาให้ความสนใจในทันทีว่า "เกรตา ธันเบิร์ก เด็กคนนี้คือใครกันแน่!?!"

 

เกรตา ธันเบิร์ก

เกรตา ธันเบิร์ก cr. www.sustainablelife.co

 

ชื่อของเธอคือ 'เกรตา ธันเบิร์ก​ (Greta Thunberg)' สาวน้อยนักเคลื่อนไหวเพื่อสิ่งแวดล้อมในวัย 15 ปี ชาวสวีเดน เกรตา ธันเบิร์ก เป็นเด็กออทิสติกผู้มีความสามารถในการจดจ่ออยู่กับสิ่งใดสิ่งหนึ่งได้เป็นเวลานาน ๆ และเรียนรู้จากมันได้อย่างน่าทึ่ง เธออธิบายว่านี่เป็นลักษณะอย่างหนึ่งของอาการออทิสติก ทำให้เวลาในชีวิตของเธอส่วนใหญ่หมดไปกับการศึกษาทำความเข้าใจเรื่องการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศอย่างจริงจังมาตั้งแต่ ป.3 โดยที่เธอเริ่มจากหยุดบริโภคเนื้อสัตว์ และแทบไม่ซื้อสิ่งของอะไรใหม่ถ้าไม่จำเป็นจริง ๆ แถมตั้งแต่ปี 2015 เธอก็เริ่มหยุดเดินทางด้วยเครื่องบิน (ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของสาเหตุภาวะโลกร้อน) ที่สำคัญครอบครัวของเธอยังติดตั้งแผงโซลาเซลล์ และเริ่มหันมาปลูกผักกินเอง และสุดท้ายเธอยังเป็นผู้จุดประกายให้เกิดแคมเปญ School Strike for the Climate Movement อีกด้วย นอกจากนี้เธอยังเคยหยุดเรียนเพื่อไปประท้วงหน้ารัฐสภาเพื่อให้รัฐบาลตระหนักถึงการแก้ไขปัญหาวิกฤตด้านสภาพภูมิอากาศ ที่กำลังเกิดขึ้นในขณะนั้น รวมระยะเวลาทั้งสิ้น 3 สัปดาห์ด้วยกัน! 

 

เกรตา ธันเบิร์ก

เกรตา ธันเบิร์ก cr. www.sustainablelife.co

 

เกรตา ธันเบิร์ก

เกรตา ธันเบิร์ก cr. www.sustainablelife.co

 

แคมเปญ School Strike for the Climate Movement นั้น คือการลุกขึ้นมาประท้วงของเยาวชนในโรงเรียนต่าง ๆ ในหลายประเทศ เพื่อเรียกร้องให้นักการเมืองและผู้นำหลายประเทศทั่วโลก หันมาสนใจการแก้ปัญหาสภาวะโลกร้อนอย่างจริงจังเสียที เพราะเกรตานั้นเชื่อว่า หนทางเดียวที่จะสร้างการเปลี่ยนแปลงในโลกของเราได้อย่างแท้จริง นั่นก็คือการขบถและแสดงอารยะขัดขืน (Civil Disobedience) นั่นเอง

 

เกรตา ธันเบิร์ก

เกรตา ธันเบิร์ก cr. www.the101.world

 

หลังจากนั้นเธอได้สร้างความเปลี่ยนแปลงมากมายในวงกว้างได้อย่างมหาศาล ไม่ว่าจะเป็น การออกมาเดินประท้วงของเด็กนักเรียนนับหมื่นคนในออสเตรเลีย เพื่อเรียกร้องให้รัฐบาลออกมาแสดงความรับผิดชอบต่อปัญหาสภาวะโลกร้อน ต่อมาเธอจึงได้รับเชิญให้เข้าร่วมการประชุมภาคีแห่งสหประชาชาติ ว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศครั้งที่ 24 แถมครั้งหนึ่งเธอยังได้รับการคัดเลือกโดย นิตยสารไทม์ (Time Magazine) ให้เป็นหนึ่งใน 25 บุคคลผู้ทรงอิทธิพลที่สุดที่อายุต่ำกว่า 20 ปี ประจำปี 2018 โดยที่สาวน้อยนักเคลื่อนไหวได้ฝากข้อความบอกคนทั้งโลกผ่านนิตยสารไทม์ว่า

"หนูเข้าใจว่าไม่มีความเคลื่อนไหวอะไรเลยและไม่มีใครทำอะไร หนูจึงตัดสินใจลงมือทำเท่าที่ทำได้ มันเป็นสำนึกความรู้สึกผิดชอบชั่วดีของหนูเอง"

"หนูยังเลือกตั้งไม่ได้ การทำเช่นนี้จึงเป็นหนทางเดียวในการแสดงความเห็นของหนู ให้คนอื่นได้รับรู้"

 

เกรตา ธันเบิร์ก

เกรตา ธันเบิร์ก cr. time.com

 

เกรตา ธันเบิร์ก

เกรตา ธันเบิร์ก cr. www.voathai.com/

 

ไม่น่าเชื่อเลยว่านี่คือความคิดริเริ่มจากเด็กสาวตัวน้อย ๆ ที่มีหัวใจอันยิ่งใหญ่ และที่สำคัญเธอกล้าที่จะลงมือเปลี่ยนแปลงมันจริง ๆ จึงไม่น่าแปลกใจเลยที่สุดท้าย เธอจะได้รับรางวัลโนเบลสาขาทางเลือกอย่าง "ไรท์ ไลฟ์ลิฮู้ด อวอร์ดส" (Right Livelihood Award) ประจำปี 2019 ได้ในที่สุด! จากการที่เธอได้สร้างแรงบันดาลใจและกระตุ้นจิตสำนึกของคนในสังคมโลก ให้ตระหนักถึงปัญหาของสภาพภูมิอากาศได้อย่างเร่งด่วน เรียกได้ว่าในอนาคตอันใกล้นี้ เธออาจกลายมาเป็นบุคคลคนสำคัญของโลก ที่น่าจับตามองมากที่สุดคนหนึ่งเลยก็ว่าได้

ครั้งหนึ่งเธอเคยบอกเอาไว้ว่า คนที่มีอาการออทิสติกมักจะมองโลกแบบขาวดำ "เราโกหกไม่เป็น เล่นเกมใส่หน้ากากเข้าหากันไม่เป็น จริง ๆ แล้วหนูคิดว่าพวกออทิสติกนี่แหละเป็นปกติ คนอื่น ๆ สิแปลก โดยเฉพาะในเรื่องวิกฤตด้านความยั่งยืน เพราะในขณะที่เรารู้ว่าการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศเป็นภัยคุกคามที่สำคัญที่สุดของโลก คนส่วนใหญ่ยังคงใช้ชีวิตกันอย่างปกติ หนูไม่เข้าใจจริง ๆ ถ้าการแก้ปัญหาสภาวะโลกร้อนคือการหยุดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก แล้วทำไมเราไม่ทำ ทำไมเราจึงยังไม่มีกฎหมายควบคุม สำหรับหนูนี่คือเรื่องขาวดำ ไม่ใช่สีเทา และเราต้องเปลี่ยนแปลง"

 

เกรตา ธันเบิร์ก

เกรตา ธันเบิร์ก cr. www.brighttv.co.th